ดูเหมือนว่าหลังๆ มานี้ฝีมือการสร้างหนังคอมเมดี้ของ หม่ำ เพ็ชรทาย จะตกลงมามากทีเดียวเมื่อเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้ เช่น บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม (2004), แหยม ยโสธร (2005), ทาสรักอสูร (2014) ไม่นับ ส่มภัคเสี่ยน (2017) ที่เจ้าตัวไปช่วยคุมงานสร้างให้ลูกสาว เอ็ม บุษราคัม กำกับ
และเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าแผ่วจนขำไม่ออกคือ ขุนบันลือ ที่เพิ่งเข้าฉายปลายปีที่แล้ว พอมาถึงเรื่อง สี้น 3 ต่อน ก็ยังคงให้ความรู้สึกก้ำกึ่งอยู่ว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่พอได้เห็นรายชื่อนักแสดงนำอย่าง เต๋า เศรษฐพงศ์ ที่เคยผ่านการแสดงบนจอเงินมาบ้าง, ริท เรือง และนางเอกน้องใหม่ ป๊อปปี้ ชนม์นิภา ที่ทั้งคู่เพิ่งมาชิมลางงานภาพยนตร์ครั้งแรกก็พอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง รีวิวหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น
สี้น 3 ต่อน ว่าด้วยเรื่องราวของสองหนุ่มเพื่อนรัก จิหล่อ (ริท) และ สีโห (เต๋า) ที่บังเอิญไปจีบผู้หญิงคนเดียวกันคือ ผิผ่วน (ป๊อปปี้) ที่เพิ่งอกหักช้ำรักมาจากหนุ่มนิรนาม เมื่อความแตกสองหนุ่มจึงต้องพยายามงัดทุกกลยุทธ์ทุกวิถีทางมาพิชิตใจสาวเจ้าให้ได้
จากที่เห็นจากตัวอย่างก็ดูเหมือนว่าจะมีความคล้ายคลึงกับหนังโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องอื่นๆ ทั้งพล็อตเรื่องที่ก็ไม่ได้มีความแตกต่าง เพียงแต่เรื่องนี้มีความเป็นอีสานล้วนๆ นับตั้งแต่ผู้สร้าง นักแสดง จนไปถึงภาษาที่ใช้ และต้องชื่นชมเป็นพิเศษเกี่ยวกับการใช้ภาษาที่เรียกได้ว่าผ่านแทบไม่มีที่ติ อาจเพราะด้วยความที่นักแสดงเป็นคนอีสาน แถมเกือบทั้งกองถ่ายก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนอีสาน หากปล่อยให้การพูดออกมาแบบเพี้ยนๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
เมื่อมีเรื่องดีๆ แล้วเรื่องที่ด้อยก็ต้องมีอยู่แล้ว จากที่เห็นทุกคนต่างทราบกันดีว่าแค่มีหน้าของ หม่ำ เพ็ชรทาย ออกมาสักฉากก็ถือว่าหนังขายได้แล้ว แถมดีไม่ดีต้องรับประกันความฮาไปอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้กับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะหลายคนอาจจะช้ำมาจากเรื่องก่อนหน้านี้ที่เพิ่งฉายไป ว่ามันไม่ได้สร้างความสนุกให้อย่างที่คาดหวัง เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ที่รู้สึกได้ว่าดูแล้วสนุกกว่า ขุนบันลือ มานิดหน่อย
แน่นอนว่าในส่วนของนักแสดงมีผลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการมาแสดงบนจอเงินของ เต๋า เศรษฐพงศ์ และ ริท เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วยการพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะทราบมาก่อนแล้วว่าทั้งคู่เป็นคนอีสานแต่ไม่ค่อยได้เห็นการใช้ภาษาอีสานของทั้งคู่ผ่านสื่อมากนัก พอได้เห็นใน สี้น 3 ต่อน แล้วทำให้สนุกขึ้นมาก แม้ว่าแต่ละมุกนั้นจะไม่ค่อยโดนใจนัก แต่ก็พอได้ขำอยู่
ส่วนนางเอกหน้าใหม่อย่าง ป๊อปปี้ ชนม์นิภา ก็ถือว่าสอบผ่านทีเดียว ทั้งการใช้ภาษา รวมไปถึงเรื่องการแสดง แม้ว่าอาจจะถูกออร่าของสองพระเอกกลบไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าดี และสิ่งที่ทำให้หนังไม่ตอบโจทย์ความฮาที่แฟนๆ ควรจะอินไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นที่จังหวะตัดต่อ
เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าหลายช่วงหลายตอนปล่อยให้มันว่างเปล่าไปเสียเฉยๆ แอบเสียดายฝีมือของนักแสดงมากทีเดียว หลายฉากเข้าใจว่าหนังพยายามสื่อให้เห็นความเป็นขอนแก่นมากๆ อย่างเช่นมุมกล้อง การใช้โดรนภาพมุมสูงต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเชื่อมเข้ากับหนังอีสานก่อนหน้านี้อย่าง ส่มภัคเสี่ยน ที่มีเทคนิคการสร้างภาพคล้ายๆ กัน จะว่าไปแทบทุกฉากทุกตอนเราก็ได้เห็นแล้วว่าตัวละครดำเนินเรื่องอยู่ในจังหวัดนี้ โลเคชั่นต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแลนมาร์กที่เห็นแล้วน่าจะรู้เลยว่าที่ไหน
หากมองอีกมุมหนึ่งจะบอกว่า สี้น 3 ต่อน เป็นหนังประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่นก็ไม่ผิดนัก เพียงแต่ใส่เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวเข้ามาเป็นสีสันเลยก็ว่าได้ เพราะเห็นๆ กันอยู่แล้วว่าหนังพาผู้ชมไปดูแหล่งฮิตของที่นี่ เอาเป็นว่าหากไม่ได้คิดอะไรมาก ปล่อยสมองว่างๆ กับใจสบายๆ น่าจะทำให้แฟนๆ อินกันได้ไม่ยาก ซึ่งคงเป็นเรื่องส่วนบุคคลไป
Comments
Post a Comment