คุณชายใหญ่

หนังของ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ หม่ำ จ๊กมก นับตั้งแต่เขาเริ่มมากำกับหนังใน บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม เมื่อปี 2547 อาจจำแนกแนวหนังได้ 3 กลุ่ม คือแนวแอ็กชัน (บอดี้การ์ดฯ 1-2, จั๊กกะแหล๋น) แนวดราม่านำตลกและมักมีฉากหลังในยุคปัจจุบัน (หม่ำ เดียว หัวเหลี่ยม หัวแหลม, ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน) แนวตลกนำดราม่าและมักมีฉากหลังย้อนยุค (แหยม ยโสธร 1-3, วงษ์คำเหลา, ทาสรักอสูร และ ขุนบันลือ) รีวิวหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น

และอาจนับอีกหนึ่งเรื่องที่แยกเดี่ยวออกมา เป็นแนวทดลองคือ โป๊ะแตก ที่เป็นหนังซ้อนหนังเบื้องหลังการถ่ายทำออกแนวม็อกคูดราม่า ซึ่งส่วนตัวมีความสำคัญในการมอง หม่ำ ในฐานะคนทำหนังที่มีมันสมองไม่ธรรมดาอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงนักเอนเตอร์เทนที่เป็นภาพจำของเขาเท่านั้น

สำหรับการเล่าเรื่องก็เป็นงานถนัดของหม่ำที่จะจับความคุ้นเคยของคนไทย อย่างละครย้อนยุคที่ฮิต ๆ มาทำการล้อเลียน ทำให้คนดูต่อติดได้ง่าย เพราะจั่วหัวมาก็เทียบเคียงเข้าใจเรื่องราวได้เลย แม้ข้อเสียที่มีคือมันลอกสูตรแบบเดาได้ทุกเม็ด ที่ต้องอาศัยลูกเหนือคาดแซมมาเป็นระยะที่สร้างความตลกขบขันจากความขัดกันจากที่เคยรับรู้

และส่วนเสริมพิเศษที่หาได้จากในหนังหม่ำก็คือ ความรักในหนังหลายยุคหลายสมัยของเขา ที่ทำให้ฉากอย่างการต่อสู้วัดกำลังภายในแบบหนังชอว์บราเธอร์ การใช้พลังเวอร์วังแบบหนังเอ็กซ์เมน ความเชยแต่มีคลาสแบบหนังไทยโบราณ การเล่นสีศิลป์ในฉากเซ็ตสตูดิโอที่ฉูดฉาดจับตา สามารถผสมผสานอยู่ในหนังของเขาได้แบบไม่ขัดตา

และกับคุณชายใหญ่เองก็เป็นลักษณะเดียวกัน เราไม่ได้คาดหวังจะเจอการเดินเรื่องที่แปลกใหม่ แต่แค่มันสมเหตุสมผลพอให้ใส่มุกตลกได้ก็เพียงพอแล้ว

ซึ่งหนังก็ทำสำเร็จอย่างดีในการวางเส้นเรื่องที่แข็งแรง แต่ยังขาดพลังในการเสริมความบันเทิงที่อาจน้อยไปหน่อย หรือจืดไปหน่อยในหลายครั้ง เอาว่าฉากที่หลุดขำจริงจังด้วยจังหวะที่แม่นมาก ๆ ก็มาแค่ฉากเดียวเสียด้วยซ้ำคือฉากรับกระสุน ซึ่งก็บังเอิญไปเห็นในตัวอย่างมาก่อนอีก แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหนังยังน่าจะทำงานกับแฟนคลับหม่ำแน่นอน เพราะมันก็ไม่ได้ด้อยมาตรฐานของเขาจนผิดฟอร์มขนาดนั้น

ด้วยสิ่งที่ว่ามา จึงต้องยอมรับว่ามองในฐานะคนที่ติดตามงานของหม่ำแบบที่มองได้ว่าเขาคือ ประพันธกรคนหนึ่ง (Auteur) นี่เป็นหนังอีกเรื่องที่โชว์ศักยภาพที่ไม่ธรรมดาของเขาให้เห็น อาจไม่ใช่งานชิ้นโบว์แดงทั้งด้านความบันเทิงหรือความแปลกใหม่ แต่ก็น่าสนใจในภาพรวมหากจะเชิดชูความดีเด่นของตัวหม่ำเอง แต่กระนั้นหนังก็ยังไม่ได้มีพลังมากพอขนาดที่เราจะเอาตัวเองออกจากบ้านไปโรงหนัง เผชิญคนหมู่มากในภาวะที่โรคระบาดยังกราดไปหลายพื้นที่แบบเดาทางไม่ได้เช่นนี้ หนังเรื่องนี้ยังไม่ใช่ความจำเป็นที่เราจะต้องเสี่ยงขนาดนั้นครับ

Comments